เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท เน็กซ์อี ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน SNEC 2025 (PV and Energy Storage Expo) ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 11–13 มิถุนายน 2565
โดยงานนี้มีผู้แสดงสินค้ากว่า 3,000 ราย จากทั่วโลก และเน้นย้ำถึงนวัตกรรม รวมถึงแนวโน้มสำคัญที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ได้แก่ การบริหารจัดการพลังงานด้วยเทคโนโลยี AI, การบูรณาการโซลูชัน PV และ ESS, ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่ และการพัฒนาแผงโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูง ดังนั้น ทางเน็กซ์อีจึงขอนำข้อมูลบางส่วนจากงานดังกล่าวมาแบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจ เพื่ออัปเดตแนวโน้มล่าสุดในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดแห่งอนาคต

ภาพบรรยากาศ งาน SNEC 2025 (PV and Energy Storage Expo)

1. แผงโซล่าเซลล์ประสิทธิภาพสูง

งาน SNEC 2025 (PV and Energy Storage Expo) มีเทคโนโลยีแผงโซล่าเซลล์แบบประสิทธิภาพสูงเป็นไฮไลท์สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี Back Contact (BC) และ Perovskite-Silicon Tandem

  • แผงโซล่าเซลล์แบบ Back Contact (BC):
    • TCL Solar ได้แสดงโมดูล BC เจเนอเรชันใหม่ ที่มีกำลังผลิตสูงสุด 680W และประสิทธิภาพบันทึกที่ 25.2% พร้อมคุณสมบัติเด่น เช่น ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิที่ -0.26%/°C, ความทนทานต่อการแรเงาที่สูงขึ้น 10%, และการเสื่อมสภาพประจำปีเพียง 0.35% บริษัทได้ใบรับรองสำหรับการทำงานในอุณหภูมิต่ำมาก (-40°C) และการรับรองระดับโลกจาก TÜV Rheinland สำหรับโมดูล N-type BC นอกจากนี้ TCL Solar ยังเปิดตัวโมดูลแบบ Shingled ป้องกันฝุ่น และโมดูลน้ำหนักเบานวัตกรรมใหม่ (ร่วมกับ Lens Technology) ซึ่งมีน้ำหนักต่อพื้นที่เพียง 5.4 กก./ตร.ม. (ลดลง 49%) และช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของโมดูล 1-3°C เพิ่มการผลิตไฟฟ้า 3-6%

      แผงโซล่าเซลล์ประสิทธิภาพสูง ของทาง TCL
    • LONGi สร้างสถิติโลกใหม่ด้วยประสิทธิภาพการแปลงเซลล์ BC ที่สูงกว่า 26% และยังได้แสดงให้เห็นถึงการใช้งานในรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ “Infinite Apollo” สะท้อนถึงศักยภาพในอนาคตของเทคโนโลยีนี้ นอกจากนี้ LONGi และ Aiko กำลังเปลี่ยนสายการผลิตจาก TOPCon ไปสู่เทคโนโลยีที่ใช้ BC เป็นหลัก
    • Risen Energy เปิดตัวโมดูล Hyper-ion Pro ที่ให้กำลังไฟฟ้าสูงกว่า 730Wp โดยอ้างว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่าทั้ง TOPCon และ BC ในด้านประสิทธิภาพหลัก ด้วยค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิที่ต่ำ (-0.24%/°C) และค่าการเสื่อมสภาพประจำปีที่ 0.35% ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในสภาพแวดล้อมจริง
  • แผงโซล่าเซลล์แบบ Perovskite-Silicon Tandem:
    • LONGi ประสบความสำเร็จในการแปลงเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Tandem ขนาดใหญ่ (260.9 ตร.ซม.) ชนิดคริสตัลไลน์ซิลิคอน-เพอร์รอฟสไกต์ แบบสองขั้ว ให้มีประสิทธิภาพสูงถึง 33% (ได้รับการรับรองจาก NREL)
    • JinkoSolar ได้พัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Perovskite/TOPCon Tandem ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 34.22% (ได้รับการรับรองจากบุคคลที่สาม) พร้อมแรงดันวงจรเปิด (Voc) ที่สูงกว่า 2.01V นอกจากนี้ยังจัดแสดงโมดูล Tiger Neo 3.0 ที่ให้กำลังไฟฟ้าสูงสุด 670W และประสิทธิภาพ 24.8%
    • Trina Solar เปิดตัวต้นแบบโมดูล PV แบบ Perovskite-Silicon Tandem ที่มีกำลังไฟฟ้า 841W และประสิทธิภาพ 27.1% โดยใช้เซลล์ Tandem ขนาด 210 มม. และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุณหภูมิต่ำ

2. อินเวอร์เตอร์แบบ Hybrid

อินเวอร์เตอร์แบบไฮบริดเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในงาน โดยบริษัทต่างๆ ได้นำเสนอโซลูชันที่สามารถทำงานร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • SAJ นำเสนอโซลูชันพลังงานอัจฉริยะครบวงจร รวมถึง AI Saving 2.0 สำหรับการจัดการพลังงาน และ CHS2 Hybrid PV & ESS สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) ที่มีคุณสมบัติเด่น เช่น กระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ 22.5A, 6 MPPTs, การโอเวอร์ไซส์ PV 200%, และ EMS อัจฉริยะ
  • Risen Energy เปิดตัว “Next-Gen Inverter” ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดกว่า 98% และเพิ่มผลผลิตพลังงาน 4% ด้วยสถาปัตยกรรมแบบบูรณาการขั้นตอนเดียว โซลูชัน C&I ของพวกเขายังรวม PV, ESS, และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลเข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
  • GoodWe นำเสนอโซลูชันพลังงานแบบบูรณาการที่รวมอินเวอร์เตอร์แบบ On-Grid และ Hybrid, ระบบจัดเก็บแบตเตอรี่, และปั๊มความร้อน อินเวอร์เตอร์ไฮบริด C&I ของพวกเขารองรับ AI-powered Arc Fault Circuit Interruption (AFCI) 3.0 และ Rapid Shutdown (RSD) 2.0
  • Sungrow เปิดตัว 1+X 2.0 Modular Inverter สำหรับโครงการ PV ขนาดใหญ่ระดับสาธารณูปโภค ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นแบบโมดูลาร์ที่มากขึ้น การตรวจจับข้อผิดพลาดด้วย AI และความสามารถในการสร้างโครงข่ายไฟฟ้า (Grid-Forming Capabilities)
  • Techfine เน้นย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันไฮบริดและ Off-grid ซึ่งสะท้อนถึงการรวมระบบพลังงาน

3. ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

การพัฒนาในระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) เป็นจุดสนใจของงาน SNEC 2025 (PV and Energy Storage Expo) โดยมีการนำเสนอเซลล์แบตเตอรี่และโซลูชันระดับสาธารณูปโภคที่ก้าวหน้า:

  • แนวโน้มทั่วไป: มีการเปลี่ยนผ่านจากเซลล์ LFP ขนาด 280 Ah ไปเป็น 314 Ah (ที่เป็นมาตรฐาน) และ 587 Ah (จะเป็นมาตรฐานต่อไป) ระบบขนาด 6.25 MWh ที่ใช้เซลล์ 587 Ah กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำหรับระบบกักเก็บพลังงานระดับสาธารณูปโภค
  • Sungrow แนะนำ BESS แบบตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ รวมถึงรุ่น 20 ฟุต ขนาด 6.9 MWh และรุ่น 30 ฟุต ขนาด 12.5 MWh ที่ใช้เซลล์ 684 Ah แพลตฟอร์ม PowerTitan 3.0 ESS ของพวกเขามีความยืดหยุ่น ความหนาแน่นของพลังงาน และความอัจฉริยะที่เหนือชั้น โดยรุ่น 30ft Plus เป็น BESS ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านความจุและความหนาแน่นของพลังงาน (12.5MW/50MWh ต่อบล็อก)
  • Risen Energy นำเสนอระบบกักเก็บพลังงานแบบของเหลว eTron (6.9MWh ต่อหน่วย) ซึ่งเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน 37% และประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ 23% นอกจากนี้ยังมี Risen Stack1 Modular ESS (48-120kWh) ที่มีระบบป้องกันแบตเตอรี่ 6 ระดับ และสถาปัตยกรรมความปลอดภัย 4S (BMS+EMS+PCS+SMS)
  • JinkoSolar ได้แสดงระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่หลายรุ่น รวมถึง Dolphin SunGiga G2 Plus 520kWh ซึ่งเป็นระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับแอปพลิเคชันเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) โดยเน้นคุณค่าหลักสี่ประการ ได้แก่ ความปลอดภัยขั้นสูงสุด ประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ การดำเนินการและบำรุงรักษาอัจฉริยะ (O&M) และมูลค่าที่ยอดเยี่ยม ระบบนี้มีสถาปัตยกรรมการป้องกันห้าระดับตั้งแต่ระดับเซลล์ถึงระบบ และสามารถทำงานร่วมกับชุดคู่ขนานได้สูงสุด 12 ชุด นอกจากนี้ JinkoSolar ยังได้เปิดตัวระบบกักเก็บพลังงานระดับสาธารณูปโภค Blue Whale SunTera G3 6.25MWh ซึ่งบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต พร้อมอายุการใช้งานมากกว่า 10,000 รอบ และประสิทธิภาพแบบไปกลับสูงกว่า 95%
    ภาพบรรยากาศ งาน SNEC 2025 (PV and Energy Storage Expo)

    ได้ตอกย้ำถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการบูรณาการระบบเพื่อสร้างอนาคตพลังงานสีเขียว

Post Views: 240