การ “ติดตั้งโซล่าเซลล์” เป็นการลงทุนระยะยาวอย่างหนึ่ง โดยแผงจะมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 25 ปี ดังนั้นอุปกรณ์ และ การติดตั้งจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการลงทุน

หลายๆท่านติดแผงโซล่าเซลล์แล้วไม่ได้ไฟฟ้าตามที่ต้องการ ไม่คืนทุนตามที่คาดหวัง หลายๆสาเหตุนั้นเกิดจากอุปกรณ์ไม่ได้คุณภาพ หรือ การติดตั้งไม่ได้ตามมาตรฐาน แต่สาเหตุหนึ่งคือ การออกแบบการวางแผงโซล่าเซลล์นั้นเอง โดยการวางแผงโซล่าเซลล์ในทิศที่รับแดด และ มุมองศาที่ถูกต้อง จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้าของโซล่าเซลล์นั้นดีขึ้น ซึ่งอาจจะดีขึ้นถึง 5%

จากงานวิจัยของ SERT โดยปกติแล้วถ้าการติดตั้งโซล่าเซลล์ไม่มีการวางมุมเอียง โซล่าเซลล์ขนาดมาตราฐานจะผลิตไฟได้ประมาณ 1320 kWh/kW.year (หมายความว่า ถ้าเราติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาด 1kW จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1320 หน่วย ) ซึ่งเมื่อถ้ามีการเพิ่มองศา และ หันทิศทางตะวันตก เหนือ และ ใต้ จะทำให้ประสิทธิ์ภาพของการผลิตไฟฟ้านั้นต่ำลง ในทางกลับกันเมื่อหันหน้าไปทางทิศใต้ ประสิทธิ์ภาพการผลิตไฟฟ้าจะสูงขึ้น และสูงที่สุดที่ 15 องศา ดังนั้นการหันหน้าไปทางทิศใต้ โดยวางแผ่นเอียง 15 องศา จะทำให้แผงโซลาเซลล์ได้รับแสงอาทิตย์ และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากที่สุด

source: http://www.sert.nu.ac.th/

เหตุผลที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าประเทศไทย ดวงอาทิตย์อ้อมใต้ทำให้แผงที่หันหน้าไปทางทิศใต้ได้รับแสงแดดมากที่สุด ดังนั้น solar farm ขนาดใหญ่ที่เป็นการสร้างขึ้นใหม่ก็คำนึงถึงตัวแปรเหล่านี้ทั้งหมด

กรณีของโซล่ารูฟ (solar rooftop) การติดตั้งโซล่าเซลล์ควรติดตั้งที่หลังคาที่หันไปทางทิศใต้ เพราะจะทำให้แผงโซลาเซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่ แต่ถ้า ติดตั้งโซล่าเซลล์ บริเวณหลังคาหันทิศตะวันออก-ตะวันตก ที่มุมเอียงของหลังคาทั่วๆไป 20-45 องศา ปริมาณแสงอาทิตย์ที่ได้จะน้อยกว่าหลังคาที่หันทางทิศใต้อยู่ประมาณ 2-16% ขึ้นอยู่กับมุมเอียงของหลังคา ส่วนหลังคาที่หันทางทิศเหนือแนะนำให้หลีกเลี่ยง